อาการเริ่มแรกของผู้ป่วยติดเชื้อ HIV / AIDS
HIV และ AIDS (เอชไอวี และ เอดส์) ต่างกันอย่างไร
HIV (เอชไอวี) ย่อมาจาก Human Immunodeficiency Virus
การติดเชื้อHIV / เอชไอวี จะทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันบกพร่อง
คือ เชื้อไวรัสHIV เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ร่างกายมี "ภูมิคุ้มกันบกพร่อง" เสื่ยงต่อการป่วยโรคต่างๆ ร่างกายไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมได้ ก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อนและเป็น โรคเอดส์ตามมา
AIDS (เอดส์) ย่อมาจาก Acquired Immune Deficiency Syndrome คือ เป็นภาวะการป่วยขึ้นสุดท้ายของการติดเชื้อไวรัส HIV อาการที่เกิดขึ้นเพราะเชื้อ HIV (เอช ไอ วี) จะเข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวของร่างกาย ทำเม็ดเลือดขาว CD4 ลดลง จนร่างกายติดเชื้อฉวยโอกาสหลายๆ ชนิด ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ง่าย ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิต
ปัจจุบันยังไม่มีวิธีในการรักษาโรคเอดส์ให้หายขาดได้ มีเพียงการช่วยชะลอการพัฒนาโรคและลดอัตราการเสียชีวิตจากเอดส์ ผู้ที่รู้ตัวว่าติดเชื้อและรีบรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม ก็จะช่วยให้การติดเชื้อเอชไอวีไม่ลุกลามไปสู่ระยะสุดท้ายที่เป็นเอดส์ได้
อาการของเอดส์
เอดส์เป็นภาวะการการป่วยขึ้นสุดท้ายของการติดเชื้อ HIV (เอชไอวี) ถ้าไม่ได้รับการรักษาร่างกายจะทรุดลงเรื่อยๆ แบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ
ระยะแรกเริ่มต้นของการติดเชื้อ หลังจากที่ได้รับเชื้อประมาณ 2-6 สัปดาห์ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะไม่ค่อยรู้ตัว จะมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา เช่น มีไข้ ปวดหัว เจ็บคอ มีผื่นแดง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อ
ระยะอาการสงบ หลังจากระยะเริ่มแรกแล้วอาการก็จะหายไป หรือแทบจะไม่มีอาการเลย แต่ยังมีเชื้อพัฒนาอยู่ในร่างกาย
ระยะลุกลาม หรือ ระยะเป็นเอดส์ เป็นระยะที่ภูมิคุ้มกันถูกทำลายอย่างหนัก ทำให้ผู้ป่วยเกิดการติดเชื้อโรคต่างๆ และเกิดโรคแทรกซ้อนตามมา ซึงเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ส่วนอาการที่สำคัญ เช่น มีไข้อยู่ตลอดเวลา อ่อนเพลีย เหนื่อยล้า หมดแรง ท้องร่วงเรื้อรัง มีเหงือออกตลอดทั้งคืน มีฝ้าขาว มีแผลที่ลิ้นและปาก เป็นต้น
HIV (เอชไอวี) ติดต่อได้ทางไหนบ้าง
ติดต่อได้ทาง เลือด อสุจิ น้ำนม สารคัดหลัง
การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน (ในกลุ่มผู้ใช้สารเสพติด)
ติดเชื้อมากจากแม่สู่ลูก ซึ่งแม่มีการติดเชื้อระหว่างการตั้งครรภ์
การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ HIV (เอชไอวี) โดยไม่ได้มีการป้องกัน
ชมคลิป VDO อาการผู้ติดเชื้่อ HIV เริ่มแรก จนกลายเป็นโรคเอดส์ (AIDS)
VIDEO
ผลิตภัณฑ์งานวิจัย APCOcap ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันได้อย่างไร
👉
เพิ่ม CD4 TH17
👉
กำจัดเชื้อ HIV
👉
ใช้ร่วมกับยาต้านไวรัส
👉
ลดผลข้างเคียงยาต้าน
👉
ลดการติดเชื้อฉวยโอกาส
👉
การพักผ่อนนอนหลับได้ดีขึ้น
👉
น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
👉
ผิวพรรณสดใสขึ้น
👉
ทานต่อเนื่องได้อย่างปลอดภัยไร้ผลข้างเคียง
4 โรคติดเชื้อฉวยโอกาศที่พบบ่อยในผู้ติดเชื้อ HIV / AIDS
โรคเอดส์ ไม่ใช่สาเหตุหลักที่ทำให้ผู้ป่วยจำนวนมากเสียชีวิต แต่ตัวการที่ทำให้ร่างกายของเราอ่อนแอ โดยการเข้าไปลดจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 จนร่างกายของเราไม่มีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงพอที่จะต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามา
เมื่อร่างกายของเราไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคที่เข้ามาได้แล้ว จะทำให้เกิดโรคติดเชื้อฉวยโอกาส ซึ่งเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่คร่าชีวิตผู้ที่ติดเชื้อ HIV เป็นจำนวนมาก
โรคติดเชื้อฉวยโอกาสที่พบได้บ่อยที่สุด 4 โรค คือ
เชื้อราในช่องปาก
เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
โรคปอดอักเสบ
โรคมเร็ง
ถ้าเราไม่รีบดูแลอาการได้อย่างทันท่วงที ร่างกายของเราก็จะยิ่งรับเชื้อเช้ามาอีก จนอาจต้องทนทุกข์กับอาการแทรกซื้อนจนหมดสิ้นความหวังในการใช้ชวิตต่อไป
การดูแลให้ร่างกายผู้ติดเชื้อ HIV ให้ห่างไกลจากโรคติดเชื้อฉวยโอกาสได้นั้น จำเป็นต้องเพิ่มจำนวน CD4 และกระตุ้นการทำงานของ เซลล์ T พิฆาต ให้มากำจัดเชื้อ HIV ซึ่งในปัจจุบัน สามารถทำได้แล้วโดยการใช้พืชกินได้ (มังคุด ถั่วเหลือง งาดำ ฝรั่ง ใบและบัวบก) ที่ได้รับการคิดค้นวิจัย โดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะนักวิจัย Operation bim
*** ทีมงานนักวิจัย Operation bim มุ่งหวังที่จะเผยแพร่ความรู้ และการค้นคว้าวิจัย ที่จะนำไปสู่มิติใหม่ของการรักสุขภาพด้วย "ภูมิคุ้มกันบำบัด"
ทำงานของ APCOcap ภูมิคุ้มกันบำบัดจัดการ HIV
นวัตกรรม APCOcap กับผู้ที่มีปัญหา HIV
CD4 คืออะไร และวิธีเพิ่ม CD4
HIV อยู่ในสภาวะสงบ
Fanctional Cure คืออะไร