รู้ไหม HIV และ AIDS/เอดส์ ต่างกันอย่างไร
ผู้ที่ติดเชื้อ HIV / เอชไอวี ยังไม่ใช่ผู้ป่วย AIDS/เอดส์ และแตกต่างกันอย่างไร
เชื้อ HIV (เอชไอวี) หรือ Human Immunodeficiency เป็นเชื้อไวรัส ผู้ที่ติดเชื้อได้รับเชื้อแล้ว หลังจากที่ได้รับเชื้อ 2-4 สับดาห์ ร่างกายอาจจะมีอาการคล้ายไข้หวัด เจ็บคอ ปวดศรีษะ ต่อมน้ำเหลืองโต ผู้ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่จะไม่ค่อยรู้ว่าตัวเองติดเชื้อและมักจะไม่มีอาการแสดงออกมา
► ติดเชื้อระยะที่ 1 ในระยะนี้ไวรัสจะเข้าไปในเม็ดเลือดขาว CD4 และทำให้เซลล์เหล่านี้ตายเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เม็ดเลือดขาว CD4 ในเลือดลดจำนวนลง เชื้อไวรัสก็จะแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันที่สร้างแอนติบอดีในเลือดซึ่งใช้ในการวินิจฉัยการติดเชื้อไวรัสชนิดนี้ ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีที่อยู่ในระยะนี้ เรียกว่า ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ถือว่าเป็นระยะติดเชื้อปฐมภูมิ หรือ ติดเชื้อระยะที่ 1
► ระยะติดเชื้อเรื้อรัง (ระยะที่ 2) ผู้ที่ติดเชื้ออาจจะมีเชื้อราขึ้นที่ลิ้น และ เป็นวัณโรค เริม หรือ โรคงูสวัด อาการมักจะไม่รุนแรง และมักจะรักษาโรคเหล่านี้ได้ ระยะนี้ยังไม่เรียกว่าเป็น "โรคเอสด์" ระยะนี้เชื้อจะเข้าไปอยู่ในต่อมน้ำเหลืองและในม้าม จะมีการแบ่งตัวเพิ่มปริมาณในอวัยวะทั้งสองนี้เป็นส่วนใหญ่ ปริมาณของ CD4 ในเลือดจะลดจำนวนลงอย่างช้าๆ จากการวิจัยพบว่าเชื้อ HIV ทำลายเซลล์ CD4 โดยเฉพาะตัว TH17 มากที่สุด ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัส และ เชื้อโรคได้อย่างมีประสิทธภาพนัก เพราะ CD4 จะลดจำนวนลงเรื่อยๆ การได้รับยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอและการออกกำลังกายจะเพิ่ม CD4 ได้ด้วยตัวเอง โดยควรพยายามให้ CD4 อยู่ในระดับสูงกว่า 350 cell/cu.mm ค่า CD4 ปกติของคนทั่วไป = 530-1350 cell/cu.mm
► ระยะที่เป็นโรคเอดส์ (ระยะที่ 3) จะพบว่าปริมาณของ CD4 ส่วนใหญ่แล้วจะต่ำกว่า 200 cell/cu.mm และจะมีการติดเชื้อฉวยโอกาส ในอวัยวะสำคัญอย่างรุนแรง เช่น ปวด สมอง และมีมะเร็งชนิดต่างๆ เกิดขึ้นได้ ระยะนี้เป็นระยะที่ระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคในร่างกายถูกทำลายเกือบทั้งหมด จะเกิดตุ่ม PPE / ผื่น PPE หรือที่เรียกว่าตุ่มเอดส์ หรือตุ่ม HIV/เอชไอวี แสดงว่าระดับของ CD4 ต่ำว่า 100 cell/ml หรือ CD4% ต่ำกว่า 5% และการเพิ่ม CD4 ด้วยตนเอง เป็นไปได้ยากขึ้น ดังนั้นแล้วผู้ที่ติดเชื้อควรรักษาสุขภาพและรักษาระดับ CD4 ไว้ ไม่ให้ติดเชื้อHIV(เอชไอวี) จะกระทั้งก้าวมาถึงระยะที่ 3 นี้
HIV จะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว
และ CD4 จะลดจำนวนลงจนถึงระดับที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
เกิดเป็นโรค AIDS ที่ติดเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส แล้วเสียชีวิตในที่สุด
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สรุปว่า ติดเชื้อHIVระยะที่ 1 และ ระยะที่ 2 ยังไม่เรียกว่าเป็นโรคเอดส์ ทางการแพทย์จะเรียกระยะที่3 ของโรคว่าเป็น "โรคเอดส์" เท่านั้น
HIV และ AIDS เอดส์ ต่างกันอย่างไร
โดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะนักวิจัย Operation BIM
CD4 คืออะไร
ค่า CD4 กับ Viral Load มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
ประสบการณ์ผู้ใช้APCOcap
อาการเริ่มแรกของผู้ป่วยติดเชื้อ HIV/AIDS
HIV อยู่ในสภาวะสงบ (HIV Fanctional Cure คืออะไร)
|