APCOcap,บิมร้อยเอดส์,สมุนไพรโรคเอดส์,สมุนไพรเพิ่มCD4,สมนไพรรักษาโรคเอดส์,สมุนไพรรักษาHIV,live,ลีฟ ติดเชื้อ เอชไอวี,แอปโก้แคป,AIDS,ป้องกันโรคเอดส์,ป้องกันการติดเชื้อHIV
ภูมิคุ้มกันที่สมดุลกับ ปัญหาติดเชื้อ HIV (ภูมิคุ้มกันบกพร่อง AIDS/เอดส์)
ผลงานวิจัย Operation bim "APCO"
โรคเอดส์ / AIDS (Acquired Immune Deficiency Syndrome) กำจัดเชื้อ HIV
โรคเอดส์ เป็นอาการของโรคที่เกิดจาก "ภูมิคุ้มกันบกพร่อง" จากการติดเชื้อไวรัสHIV (เอชไอวี) ซึ่งไปทำลายเซลล์เม็ดเลือดขาวทำให้ร่างกายอ่อนแอ เอดส์เมื่อเป็นขั้นสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี ภูมิคุ้มกันของร่างกายไม่สามารถป้องกันและต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ได้แล้ว ผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยโรคฉกฉวยโอกาส (เช่น ทีบี (วัณโรค) ท้องร่วงเรื้อรัง หวัดเรื้อรัง ปอดบวม ลิ้นเป็นฝ้า ผื่นคันตามตัวฯลฯ) เสริมอาหารงานวิจัย APCO/แอปโก้ (คณะวิจัย Operation bim สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันเพื่อต่อสู้กับโรค โดยการทำให้ร่างกายมีการสู้กับโรคเอง (กระตุ้นการทำงานของเมล็ดเลือดขาว เพิ่ม CD4)
ชมคลิป รายการอยากเล่าให้ฟัง ด้วย"ภูมิคุ้มกันที่สมดุล" งานวิจัย APCO/แอปโก้ กับปัญหา โรคเอดส์ ติดเชื้อ HIV(เอชไอวี) ภูมิคุ้มกันบกพร่อง *โรคติดเชื้อฉวยโอกาส เพิ่ม CD4 ดำเนินรายการโดย ศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา และ คณะวิจัย Operation bimโดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะวิจัย
*โรคติดเชื้อฉกฉวยโอกาศ เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่ภูมิคุ้มกันไม่ปกติ เช่น ผู้ป่วยโรคเอดส์ ติดเชื้อไวรัสเอสไอวี ผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิ เป็นต้น
กำจัด HIV ได้เร็วด้วย เซลล์ T พิฆาต ลดไวรัส เพิ่มCD4 กับงานวิจัย APCO (แอปโก้)
ชมคลิป นักวิจัยเผยงานวิจัย APCO ช่วยเพิ่ม CD4 เพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ติดเชื้อHIV ได้ด้วยสารจากพืชไทย 5 ชนิด พบว่าสารสกัดจากมังคุด ถั่วเหลือง ฝรั่ง งาดำ และบัวบก มีคุณสมบัติในการกระตุ้นภุมิคุ้มกันในร่างกายได้ หลังจากทดสอบกับอาสาสมัครพบว่าค่า CD4 เพิ่มขึ้น และยังช่วยให้ผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัสลดลง ผลทดสอบที่ได้เป็นที่น่าพอใจ และจดทะเบียนผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับผู้ติดเชื้อเรียบร้อยแล้ว APCOcap,แอปโก้แคป,สมุนไพรเอดส์
ความรู้เกี่ยวกับ HIV
ภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (AIDS) เป็นโรคที่เกียวกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี(HIV) ผู้ที่ป่วยจะมีการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง HIV เป็นโรคที่ติดต่อได้ทางน้ำลาย การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน (ไม่ใส่ถุงงานอนามัย) ทางเลือด เช่น การถ่ายเลือด การใช้เข็มฉีดยาที่ปนเปื้อน การสัก การเจาะหู ร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อหรือการติดต่อจากมารดาที่ติดเชื้อสู่ทารก ตั้งแต่ระยะอยู่ในครรภ์ ระยะคลอด และระยะเลี้ยงดูหลังคลอด
ปัจจุบันHIVเกิดจากการแพร่เชื้อจากคนที่ไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อไปสู่ผู้อื่น คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นโรคเอดส์แล้วต้องตาย แต่ปัจจุบันถ้ารับประทานยาต้านไวรัสก็สามารถมีอายุยืนยาวได้เหมือนคนปกติ
ดังนั้น ทุกคนที่มีเพศสมัพันธ์โดยที่ไม่ได้ป้องกันควรตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ร่วมกับการตรวจสุขภาพประจำปี การรู้เร็ว โดยการตรวจเชื้อภายใน 2-3 สัปดาห์ หลังจากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน และการรักษาเร็วจะมีประโยชน์ต่อตัวเองและช่วยยับยั้งการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น
เมื่อเชื้อไวรัส HIV เข้าสู่ร่างกาย จะไปฝังตัวในเม็ดเลือดขาวชนิด CD4+ (Th-Cell) เพื่อแบ่งตัวเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ และทำลาย CD4+(Th-Cell) จนมีจำนวนลดลงต่ำกว่า 350 เซลล์/ลบ.มม. (ใสคนปกติ CD4+ 600-1,000 เซลล์ต่อเลือด 1 ลบ.มม. ) ถือว่าเป็นระดับที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายต่ำมาก และผู้ติดเชื้อนี้ยังมีค่า Th1, Th2, Th17 และ Treg ในปริมาณที่ต่ำเช่นกัน (โดยมี TH17 ต่ำที่สุด) ส่งผลให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อวัณโรคและเป็นมะเร็งได้ง่ายกว่าคนปกติ ปัจจุบันแนวทางการรักษาคือการหยุดยั้งการแบ่งตัวของ เชื้อไวรัส HIV โดยการใช้ยาต้านไวรัส ซึ่งอาจจะมีผลข้างเคียงจากยากลุ่มนี้ เช่น เวียนศรีษะ อ่อนเพลีย ท้องเสีย ฝั้นร้ายใน 1-2 สับดาห์แรก เป็นต้น หรือ อาจจะไม่มีผลข้างเคียงจากยากลุ่มนี้ก็ได้ แต่ทว่าเมื่อใช้ยาต้านไวรัสไปสักระยะหนึ่งอาจก่อให้เกิดการดื้อยาขึ้นมาไสด้ เนืองจากในกระบวนการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส HIV มีโอกาสที่เชื้อตัวใหม่มีลักษณะที่ผิดเพี้ยนไปจากเชื้อตัวเดิม ยาต้านไวรัสเดิมที่เคยใช้อยู่จึงไม่มีผล มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นยาต้านไวรัสชนิดใหม่ ไปเรื่อย ๆ APCOcap
ชมคลิป นวัตกรรม "APCO" สร้างภูมิคุ้มกันช่วยจัดการเชื้อ HIV / AIDS (เอดส์) เพิ่ม CD4 โดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะวิจัย Operation bim
|
อาการของผู้ที่ติดเชื้อไวรัส HIV
อาการมีหลากหลายขึ้นอยู่กับระยะของโรค เช่น มีไข้ ปวดศรีษะ มีผื่น อ่อนเพลีย ท้องร่วง น้ำหนักตัวลด ไอและ หายใจลำบาก มีเหงือออกทั้งคืน ปวดศรีษะ ติดเชื้อทางเดินหายใจบ่อย ฯ
จากข้อมูลทางภูมิคุ้มกันวิทยาพบว่า ภูมิคุ้มกันที่สมดุลขึ้นอยู่กับการทำหน้าที่อย่างสมดุลของเม็ดเลือดขาวทั้ง 4 ชนิดคือ
- Th1 กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันจัดการกับสารก่อภูมิแพ้ และหนอนพยาธิได้ดีขึ้น
- Th2 กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันจัดการกับสารก่อนภูมิแพ้และหนอนพยาธิได้ดีขึ้น
- Th17 กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันจัดการกับสิ่งแปลกปลอมทั้งหลายที่เหลือจากการจัดการของ Th1 และ Th12
- Treag ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของ Th1, Th2 และ Th17 ให้อยูในระดับสมดุล จึงลดอาการแพ้ภูมิตัวเองและข้อมูลล่าสุด Treg ยังทำให้เฃื้อไวรัส HIV แบ่งตัวช้าลง
ชมคลิปวีดีโอ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง ติดเชื้อ HIV (โรคเอดส์/aids) กับการทำงานของ แคปซูล "นวัตกรรมapco"สูตรงานวิจัย Operation bim (แอบโก้/APCO) สูตรสกัดจากธรรมชาติ ในรายการอยากเล่าให้ฟัง ด้วยภุมิคุ้มกันที่สมดุล ดำเนินรายการโดย ศ.ดรศ.ดร.เสรี วงศ์มณฑา และ หัวหน้าคณะวิจัย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา
ภูมิคุ้มกันที่สมดุลเป็นการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง "ภูมิบำบัด"
คณะวิจัย Operation BIM (APCO) ได้วิจัย และพัฒนา สารเสริมประสิทธิภาพจากสารมังคุด งาดำ ถั่วเหลือง ฝรั่ง และบัวบก จนได้แคปซูลเสริมอาหาร ที่พิสูจน์โดยศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์แล้วว่าสามารถกระตุ้นการทำงานของ Th1 เพิ่มขึ้น 2 เท่า กระตุ้น Th17 เพิ่มขึ้น 5 เท่า และ Treg เพิ่มขึ้น 2 เท่า ล่าสุดยังพบว้า IL-9 ที่เพิ่มมากขึ้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์สามารถเพิ่มความสามารถในการจัดการกับสิ่งแปลกปลอมโดยไม่มีผลข้างเคียงและข้อมูลเบื้องต้นของการทดสอบในผู้ที่ติดเชื้อพบว่า ภายใน 1 เดือน ไม่พบการติดเชื้อราในช่องปาก และภายใน 2 เดือน ผู้ที่มี CD4+ ต่ำกว่า 100 เซลล์/ลบ.มม. เพิ่มเป็น 300 เซลล์ / ลบ.มม.
ชมคลิปวีดีโอ บรรยายพิเศษเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อ HIV เพิ่มCD4 ได้รวดเร็วที่สุดได้อย่างไรและลด Viral load ได้เร็ว (Viral load คือปริมาณไวรัสในเลือดของโรคนี้ก็คือปริมาณเชื้อเอชไอวีในเลือด) และมีคำถามจากผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์งานวิจัย APCO(แอปโก้) ว่าทำไมถึงลดได้เร็ว บรรยายโดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะวิจัย APCO (กำจัด HIV ได้เร็วด้วยเซลล์ ที พิฆาต)
งานวิจัย Operation BIM (APCOcap)ได้สร้างผลงานที่น่ายินดีอีกครั้ง เมื่อได้ช่วยคนให้รอดจากการเสียชีวิตและคืนคุณภาพชีวิตของผู้มีปัญหาจากโรคร้ายกลับสู่สภาพปกติอีกครั้ง โดยทำให้ผู้ป่วยเอดส์ที่เป็นเนื้อร้ายรุนแรง เพิ่มอานุภาพของเม็ดเลือดขาว เซลล์ทีพิฆาต ( killer T-cell) ให้กำจัดเซลล์เนื้อร้ายจนควบคุมอาการเนื้อร้ายได้และพร้อมๆ กับกำจัดเชื้อ HIV จนตรวจวัดไม่พบ คุณภาพชีวิตจึงเป็นเหมือนคนปกติ
• รายแรก เป็นผู้ป่วยเอดส์ที่ตรวจพบว่าเป็นเนื้อร้ายที่ตับเมื่ออายุ 17 ปี ได้รับการรักษาด้วยการทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงที่ตับ ซึ่งจะทำให้เนื้อร้ายในตับเพิ่มจำนวนช้าลง และไม่ลุกลามไปยังส่วนอื่นของร่างกายได้ชั่วคราว
* เมื่อได้ใช้ ผลิตภัณฑ์งานวิจัย APCO ครั้งละ 3 แคปซูลก่อนอาหาร 3 มื้อ พบว่าค่า CD4 เพิ่มขึ้นจาก 205 cells/cu.mm เป็น 418 cells/cu.mm ค่า VL(จำนวนเชื้อไวรัส) ลดลงจาก 79,700 Copies/ml เป็น น้อยกว่า 20 copies/ml
* ผลการตรวจเนื้อร้ายที่ตับทุก 3 เดือน เป็นเวลา 4 ปี พบว่า เซลล์เนื้อร้ายคงที่ ไม่ลุกลามไปมากกว่าเดิม รวมทั้งมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันนี้อายุ 21 ปีแล้ว
• รายที่สอง เป็นผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งตรวจพบว่าเป็นเนื้อร้ายร่วมด้วยหลายตำแหน่ง คือ สมอง ช่องท้อง และกระดูกสันหลัง ส่งผลให้ผู้ป่วยรายนี้ไม่สามารถลุกนั่ง ยืน หรือเดินได้ด้วยตัวเอง ต้องนอนติดเตียงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแพทย์ได้แจ้งกับญาติว่าผู้ป่วยน่าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน เพราะเนื้อร้ายอยู่ในระยะลุกลามมากแล้ว
* หลังการใช้ ผลิตภัณฑ์งานวิจัย APCO จำนวน 12 แคปซูลต่อวัน เป็นเวลา 8 เดือน พบว่า ค่า CD4 เพิ่มขึ้นจาก 60 cells/cu.mm. เป็น 275 cells/cu.mm. ค่า VL(จำนวนเชื้อไวรัส) เหลือน้อยกว่า 20 copies/ml เซลล์เนื้อร้ายในทุกๆ ตำแหน่งที่เป็นอยู่ไม่ลุกลาม "สร้างความประหลาดใจให้แก่แพทย์ที่ทำการรักษาเป็นอย่างมาก" เนื่องจากผู้ป่วยปฏิเสธการใช้รังสีรักษาและการทำเคมีบำบัดมาโดยตลอด
* ในช่วงที่ใช้งานวิจัย ผลิตภัณฑ์งานวิจัย APCO ผู้ป่วยได้ทำกายภาพบำบัดร่วมด้วย จนสามารถกลับมาเดินได้เหมือนคนปกติ ปัจจุบันสุขภาพแข็งแรงเทียบเท่าคนปกติสามารถกลับไปทำงานได้ตามเดิม
จากการติดตามผู้ติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยเอดส์ที่ใช้ผลิตภัณฑ์สูตร APCO เกินกว่าร้อยคนด้วยตนเองและจากการรวบรวมคำบอกเล่าของผู้ที่แนะนำให้มีการใช้เป็นพันคน ผลิตภัณฑ์งานวิจัย APCO ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ติดเชื้อ HIV และผู้ป่วยเอดส์แน่นอน ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ ผลิตภัณฑ์งานวิจัย APCO กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว Th1, Th9 และ Th17 (ซึ่งก็คือ CD4) จึงสามารถเพิ่ม CD4 ได้อย่างรวดเร็ว ในรายที่รวดเร็วที่สุดจากที่มี CD4 ต่ำกว่า 10 cells/cu.mm. เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับ 500 cells/cu.mm. ในเวลา 6 เดือน
= = = = = = = = = = = = = = = = = = = ========== =
*CD4 เม็ดเลือดขาวที่ไปเพิ่มอานุภาพของ CD8 ซึ่งก็คือเซลล์ทีพิฆาต (killer T-cell) ที่กำจัดได้ทั้งเซลล์เนื้อร้ายและเซลล์ที่ติดเชื้อ HIV (ชมกลไกการกำจัดเซลล์เหล่านี้พร้อมทั้งเอกสารอ้างอิงในคลิป)
= = = = = = = = = = = = = = = = = = ========== = =
ขนาดและวิธีการรับประทาน
ค่า CD4
(cells/cu.mm
|
กลุ่มผู้ใช้
|
ยังไม่ได้รับยาต้านไวรัส
|
รับยาต้านไวรัสแล้ว
|
มีผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัส
|
ไม่มีผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัส
|
ต่ำกว่า 600
600 ขึ้นไป
ต่ำกว่า 400
400 ขึ้นไป
|
6-9 แคปซูล/วัน
4-6 แคปซูล/วัน
|
6-9 แคปซูล/วัน
4-6 แคปซูล/วัน
|
6 แคปซูล/วัน
4แคปซูล/วัน
|
หมายเหตุ : วิธีการใช้ผลิตภัณฑ์ (apcocap)
- 4 แคปซูล / วัน : เช้า 2 เย็น 2
- 6 แคปซูล / วัน : เช้า 2 กลางวัน 2 เย็น 2 หรือ เช้า 3 เย็น 3
- 9 แคปซูล / วัน : เช้า 3 กลางวัน 3 เย็น 3
ควรรับประทานช่วงท้องว่าง คือ ก่อนอาหาร 30 นาที หรือ หลังอาหาร 1-2 ชั่วโมง หรือ ก่อนนอน
ผลข้างเคียงของยาต้านไวรัส ประกอบด้วย
- ปวดตามร่างกาย / ปวดศรีษะ / เวียนศรีษะ / เป็นไข้ / อ่อนเพลีย
- ปวดท้อง / ท้องอื่ด / คลื่นไส้ / อาเจียน
- มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง
- อาการเครียด / วิตกกังวล / วิงเวียน / นอนไม่หลับ / สมาธิสั้น / ง่วงซึม / ประสาทหลอน
- ประสาทส่วนปลายอักเสบ / ชาตามปลายมือและเท้า / กล้ามเนื้ออ่อนแรง / ปวดข้อ
- เกิดไขมันสะสมในตำแหน่งต่างๆ ในร่างกายผิดปกติ เช่นใบหน้าตอบ / แขน ขา ลีบ / กล้ามเนื้อลีบ
ค่า CD4 คืออะไร
- CD4 คือเม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่ควบคุมและต่อสู้กับเชื้อโรค และมีบทบาทในการสร้างสารภูมิคุ้มกันให้ร่างกายเพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค
- เมื่อเชื้อเอชไอวีเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ จะเข้ายึดจับและทำรายเม็ดเลือดขาว CD4 ทำให้เม็ดเลือดขาว CD4 ลดลงไปเรื่อย ร่างกายก็จะขาดกำลังพลในการต้านทานและพ่ายแพ้ต่อเชื้อโรคได้ง่าย
สัมภาษณ์ ผู้ป่วยติดเชื้อHIV(เอดส์) งานวิจัย APCO คณะวิจัย Operation BIM
ผู้ที่ติดเชื้อ HIVมา 2 ปีกว่า ติดเชื้อมาจากสามี ซึ่งสามีเองก็ไม่ทราบว่าติดเชื้อ ต่อมามีอาการเป็นไข้ น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ อ่อนเพลีย หลังจากนั้นได้มีการตรวจพบว่าติดเชื้อ HIV ต่อมาสักระยะก็ได้รับประทานยาต้านไวรัส และมีผลข้างเคียงจากการทานยาด้านไวรัส เวียนหัว ง่วงนอน อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ทานอาหารไม่ได้ น้ำหักลด ฯ ทำงานไม่ได้เลย และมีอาการแทรกซ้อนภายหลัง มีอาการไอ มีไข้สูง หอบเหนี่อย และเป็นปอดอักเสบด้วย ต้องนอนพักที่โรงพยาบาล ออกจาก โรงพยาบาลได้ประมาณ 2 อาทิตย์ ยังคงมีอาการเพลียยังมีอยุ่ ได้เริ่มดูแลภูมิคุ้มกัน ด้วยงานวิจัย APCO อาการอ่อนเพลียดีขึ้น ทานอาหารได้มากขึ้น หิวบ่อยขึ้น น้ำหนักขึ้น อาการต่างๆ ดีขึ้นสามารถกับไปทำงานได้เป็นปกติ ก่อนดูแลด้วยงานวิจัย APCO เจาะเลือดตรวจพบว่าCD4 มีค่า 19 ซึ่งต่ำมาก จึงทำให้มีอาการแทรกซ้อน หลังจากรับประทานต่อเนื่องกันแล้วมีค่า CD4 เพิ่มขึ้นเป็น 50 ซัืงอีกหลายเท่า คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นมากเลยค่ะ
สัมภาษณ์ผู้ป่วยติดเชื้อ HIV กับ ผลิตภัณฑ์ apco
งานแฉลงข่าววันเอดส์โลก กับงานวิจัย "APCO" ภูมิคุ้มกันที่สมดุล
ชมคลิป งานวิจัย APCO โดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะวิจัย ได้นำพืชผักของไทย 5 ชนิด มังคุด ถัวเหลือง งาดำ ฝรั่ง ใบบัวบก มาสกัดเพิ่มเซลล์ในเม็ดเลือดขาวหรือเพิ่ม CD4 ให้กับ ผู้ติดเชื้อ HIV (ผู้ป่วยเอดส์)ลดความเสื่องในการติดเชื้อฉวยโอกาส เช่น เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส มะเร็งฯ ให้กับมามีสุขภาพแข็งแรง ทำให้สำนักงาน นวัตกรรมแห่งชาติไทย นำมาใช้กับผู้ป่วยติดเชื้อ HIV ผู้ป่วยเอดส์ ระยะสุดท้าย ในไทย
NIA กับ APCO ร่วมจัดงานแถลงข่าว "วันเอดส์โลก" นวัตกรรม เพิ่ม CD4 สู้ HIV
สนง.นวตกรรมแห่งชาติ ประกาศรับรองให้งานวิจัย APCO บ.เอเซี่ยนไฟโตย์ฯ เป็นนวัตกรรมของชาติไทยเป็นการดูแลผู้ติดเชื้อ HIV (โรคเอดส์) เพิ่ม CD4 สู้ HIV มีการทดสอบประสิทธิภาพ ผลิตภัณฑ์งานวิจัย APCO ในผู้ที่ติดเชื้อ HIV ในโครงการร่วมทดสอบระหว่าง มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กับ APCO การศึกษาผลของผลิตภัณฑ์ Operation bim ต่อการกระตุ้นการเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด CD4 Lymphocytes ในผู้ติดเชื้อ "HIV" ที่โรงพยาบาลแม่ออน จ.เชียงใหม่ เป็นโครงการร่วมระหว่างภาครัฐและเอกชนที่รับรองโดยสำนักงานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ฯ
งานแถลงข่าววันเอดส์โลก ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าคณะวิจัย APCO แนะนำว่า เมื่อเริ่มติดเชื้อ HIV ควรเข้ารับการรักษาทันที ตามงานวิืจัยเมื่อ เพิ่ม CD4 ในปริมาณที่เพียงพอสามารถช่วยผู้ป่วยเอดส์ระยะสุดท้ายได้ โดย CD4 สามารถเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากการใช้สูตรสกัดธรรมชาติ 5 อย่าง มังคุด ถั่วเหลือง งาดำ ฝรั่ง ใบบัวบก นวัฒกรรม เพื่อภูมิคุ้มกันที่สมดุล ต่อสู้กับโรคร้ายได้ ลดผลข้างเคียงจากยาต้านไวรัส ฯ
ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา ในงานแถลงข่าว วันเอดส์โลก เพิ่ม CD4 สู้ HIV
|